เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด![]() "เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด" เป็นความเรียงเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ที่วัยรุ่นต้องพบเจอ แปลมาจากภาษาเกาหลีที่ชื่อ 아프니까 청춘이다 (อ่านไม่ออก) เขียนโดย คิมรันโด ผู้เขียนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยโซล นำประสบการณ์เกี่ยวกับชีวิตของตนเอง ความคิด ความเข้าใจที่ผ่านจากการอ่าน รวมทั้งบทเรียนชีวิตของลูกศิษย์ หรือคนมีชื่อเสียง มาเรียบเรียงให้อ่านง่ายเป็นบทสั้นๆ สะท้อนแง่มุมต่างๆ ของการใช้ชีวิตวัยรุ่น ดูจากเนื้อหาก็ไม่น่าจะมีอะไรแปลกใหม่ แต่เมื่อได้ลองอ่านแล้ว เราคิดว่าคนแปลและบรรณาธิการทำงานได้เนี้ยบมาก อ่านแล้วไม่มีสะดุด ที่สำคัญก็คือ การวิเคราะห์เรื่องราว ความคิด ความรู้สึกของเด็กวัยรุ่นได้อย่างเข้าใจและหลายมิติ ผู้เขียนให้ความเห็นว่า สิ่งที่คนหนุ่มสาวขาดไป ไม่ใช่ความสามารถ แต่คือการทบทวนตัวเอง และสิ่งที่สำคัญคือประสบการณ์ นั่นคือต้องลงมือทำจริง ต้องอ่านหนังสือ ต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ต้องออกไปท่องเที่ยว ชอบตอนนึงที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว คิมมินจูผู้บริหารองค์กรรีดแอนด์ลีดเดอร์เคยกล่าวไว้ว่า "การท่องเที่ยวเป็นประสบการณ์แห่งความตาย" เพราะถ้าออกไปท่องเที่ยวแล้วจะ "ไม่มีฉัน" ในที่ที่เคยอยู่ การท่องเที่ยวจึงเป็นช่วงเวลาที่ดี ซึ่งทำให้เราได้คิดทบทวนลำพังว่า การหายไปของตัวเองมีความหมายอย่างไรบ้างกับคนที่รู้จักเราและสังคมรอบข้าง (หน้า 53) "เราไม่ควรนำประสบการณ์ที่เรียนรู้จากยุคสมัยของตัวเอง มาเป็นมาตรฐานตัดสินคนอื่น เพราะสังคมแต่ละยุคแต่ละสมัย มีค่านิยม การเลี้ยงดู ปัจจัยการเรียนรู้ และเป้าหมายในการทำงาน แตกต่างกันออกไป" (หน้า 232) พอเปิดย้อนกลับไปที่หน้าแรกตอนที่อ่านจบ ปรากฎว่าเราไฮไลต์ประโยคไว้เยอะมาก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็คือหัวใจของผู้เขียนที่อยากจะสื่อสารกับคนอ่าน เรื่องที่ผู้เขียนต้องการย้ำหนักย้ำหนาในหนังสือเล่มนี้ เท่าที่เรารู้สึกก็คือ การมีความฝันและกอดความฝันนั้นไว้ และการทำผิดพลาดดีกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย เราว่าสองประเด็นนี้แหละที่ทำให้เราประทับใจความคิดของผู้เขียนเป็นอย่างมาก จริงๆ หนังสือเล่มนี้ก็ไม่น่าจะมีไว้ให้แค่วัยรุ่น (เด็กมหา'ลัย) อ่านหรอก เราอยากให้เด็กมัธยมได้อ่าน คนที่ทำงานแล้วได้อ่าน เพราะอ่านแล้วได้ทบทวนชีวิตตัวเองทั้งในอดีตและปัจจุบัน มีหลายๆ ประโยคในหนังสือเล่มนี้ที่ทำให้เราคิดย้อนกลับไปมองตัวเอง ทั้งในแง่บวกและลบ เราว่าผู้เขียนใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และจิตวิทยา มาเป็นพื้นฐานในการสนับสนุนความคิดของเขาได้อย่างลงตัว ลองยกตัวอย่างที่ชอบมาหนึ่งเรื่อง ซึ่งอยู่ตอนต้นของเล่ม ผู้เขียนลองสมมติว่าชีวิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตายมีค่าเท่ากับ 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน แล้วคำนวณว่าตอนนี้ชีวิตของตัวเองน่าจะตรงกับเวลาอะไร ถ้ากำหนดให้อายุขัยอยู่ที่ 80 หลักการคำนวณคือ 1 ปีมีค่าเท่ากับ 18 นาที อย่างเราเดือนหน้าจะอายุ 33 ก็แสดงว่านาฬิกาชีวิตเราจะอยู่ที่เวลา 9 โมง 9 นาที อ๊ะเลขดีจังเลย แต่ความหมายลึกๆ ที่ซ่อนอยู่คือ มันเป็นช่วงวัยของการทำงานไง (คนปกติทั่วไปจะเข้างาน 9 โมงกันใช่ไหม แต่ของเรา 10 โมงกว่าๆ ^^") เพราะฉะนั้นแปลว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้ก็คือ การทำงาน งาน งาน ส่วนบทที่ชอบที่สุดคือ วิธีใช้ "คาร์เพ เดียม" (Carpe diem) ถ้าใครเคยดูหนังเรื่อง Dead Poets Society ก็คงจะเข้าใจกับความหมายนี้กันแล้ว สำหรับใครที่ยังไม่รู้ มันมาจากภาษาละตินที่มีความหมายประมาณว่า Seize the day ซึ่งก็มีคนตีความแตกต่างกันไป สำหรับผู้เขียน เขาคิดว่า... "ถ้าเราตั้งใจจะใช้ชีวิตโดยยึดหลัก "คาร์เพ เดียม" จะต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองอย่างลึกซึ้ง แม้ว่าสิ่งที่วาดฝันยังไม่เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน ก็ต้องเชื่อมั่นว่าจะทำให้มันเป็นจริงได้ในสักวันหนึ่ง ความดื่มด่ำเช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินกับปัจจุบัน..." (หน้า 166 - 167) If you don't know where you're going, just go" -Alice in Wonderland |
วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2555
เพราะเป็นวัยรุ่นจึงเจ็บปวด !!
วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555
7 อุปนิสัยสำหรับวัยรุ่นผู้ทรงประสิทธิผลยิ่ง

หนังสือ The 7 Habits Of Highly Effective Teens เขียนโดย Sean Covey เป็นหนังสือจิตวิทยาวัยรุ่น กล่าวถึงอุปนิสัยทั้ง 7 ที่วัยรุ่นพึงกระทำ เป็นอุปนิสัย ที่เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อนำไปสู่การประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิตของวัยรุ่นทั้งการเรียน การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคม โดยอุปนิสัยทั้ง 7 นั้นประกอบไปด้วย
· อุปนิสัยที่ 1 อิสระแห่งการเลือกตอบสนอง : Be Proactive
· อุปนิสัยที่ 2 เริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ : Begin With The End In Mind
· อุปนิสัยที่ 3 ทำสิ่งที่สำคัญก่อน : Put First Things First
· อุปนิสัยที่ 4 คิดแบบชนะ/ชนะ : Think Win -Win
· อุปนิสัยที่ 5 เข้าใจผู้อื่นก่อน แล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา : Seek To Under Stand, Then To Be Understood
· อุปนิสัยที่ 6 ประสานพลัง : Synergize
· อุปนิสัยที่ 7 ลับเลื่อยให้คนอยู่เสมอ : Sharpen The Saw
เมื้อฉันอ่านหนังสือเล่มนี้และได้ลองปฎิบัติตามแล้ว ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป จากคนที่อยู่ไปวันวัน ก็กลายเป็นคนที่มีจุดมุ่งหมายในชิวิต จากคนที่ทำงานไม่เป็น ก็กลายเป็นคนที่วางแผนชีวิตเป็น จากคนที่ไร้ความหมายในหมู่เพื่อนๆ ก็กลายเป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาเพื่อนได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไป
นอกจากพฤติกรรมอื่นๆ หนังสือเล่มนี้ยังทำให้ฉันสนใจในศาสตร์ทางด้านจิตวิทยามากขึ้นอีกด้วย ฉันก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉันจะสามารถเรียนรู้หลักจิตวิทยาที่มีอีกมากเพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับการดำเนินชีวิตต่อไป
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555
Share แบ่งปันความรู้สึกที่นึกคิด
ถ้อยคำเล็กๆ ชวนกด like ที่อาจมอบแรงบันดาลใจก้อนใหญ่ๆ
ให้ชีวิต
ปัจจุบันสังคมออนไลน์อย่าง facebook เป็นสังคมที่เข้าถึงกันได้ง่ายที่สุด เร็วที่สุด เราพบเจอทั้ง
เพื่อนเก่าและเพื่อนใหม่แทบทุกวงการในนี้ รวมทั้งได้อ่านข้อความดีๆ รูปภาพสวยๆ บางครั้งและหลายๆ
ครั้งโดนใจเราอย่างจัง ทำให้ต้องขอกด like และขอ share ไปพร้อมๆ กันก็มีเช่นเดียวกับหยินหยาง ที่
เธออยากขอ share ประโยคที่ออกมาจากใจของเธอให้กับคนอ่านหนังสือบ้างเผื่อว่าคุณอ่านแล้วอยาก
share เพื่อให้คนทางสังคมออนไลน์ได้อ่านและร่วมกด like & share บ้างก็ได้นะ
หยินหยาง..ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ช่างเพ้อฝัน มีโลกส่วนตัวสูง และเธอหวังว่าจะมีสักประโยคในเล่มนี้ที่
ถูกใจคนอ่านบ้าง อยากให้คุณลองอ่านดู อาจไม่ได้โดนใจทุกข้อความ แต่หลายๆ ข้อความคุณอาจเคย
รู้สึกแบบนี้มาแล้ว หรืออาจกำลังเป็นอยู่ สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความ และเข้าถึงอารมณ์อย่าง..
เราไม่ได้รักคนดี เรารักคนที่ทำให้รู้สึกดีต่างหาก
การใส่ใจ ไม่ต้องใช้สมองจำ
หากมองทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย การมีความสุขก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ตัวเป็นแผลหายง่าย... ใจเป็นแผลหายยาก
คนที่ได้ทำงานดีดี...ไม่น่าอิจฉาเท่าคนที่ทำงานแล้วมีความสุข
เมื่อยังไม่ได้พยายาม อย่าเพิ่งพูดว่าทำไม่ได้
เวลาเสียใจให้เอามือลูบหัวตัวเองเบาเบา แล้วบอกตัวเองว่า ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร ความเสียใจจะ
ทุเลาลง ถ้าตัวคุณยังไม่เคยให้ความจริงใจกับใคร คุณก็อย่าไปหวังจะได้ความจริงใจจากใครเลย
สร้างโอกาสในวิกฤต สร้างชีวิตที่ดีในตัวคุณเอง !! เล่มที่ 3
......สร้างโอกาส ในวิกฤติ สร้างชีวิตที่ดีด้วยตัวคุณเอง......
หนังสือดีมีมาแนะนำให้อ่านกันนะ รับมือกับวิกฤติ
- หนังสือในโครงการหนังสือเพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
- หนังสือที่จะทำให้คุณเห็นภาพในแง่ลบ แต่ใช้ชีวิตในแง่บวกได้ดีขึ้น
- วิธีรับมือกับความทุกข์และการตกงาน
- ข้อคิดดีๆในการสร้างชีวิตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
- การวางแผนการใช้ชีวิตอย่างมีสติ
- การใช้ชีวิตอย่างสร้างสรรค์
- เทคนิคการเตรียมตัวสัมภาษณ์งาน
I'm Gonna Make A Change, For Once In My Life.
It's Gonna Feel Real Good, Gonna Make A Difference
Gonna Make It Right . . .
"ฉันจะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่สักครั้งในชีวิตให้ได้
ฉันรู้ว่ามันต้องดีแน่ๆ อะไรบางอย่างที่แตกต่าง ฉันจะทำให้ได้..."
วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555
ปัญหาสิ่งแวดล้อมมมม ,,,
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภัยจากน้ำและดิน ฟ้า อากาศ เช่น พายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ภัยทางธรณีวิทยา เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด คลื่นสึนามิ ,ภัยจากเชื้อโรค เช่น โรคระบาดที่ร้ายแรงต่างๆ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นถี่ยิบและเกรี่ยวกราดกว่าเมื่อก่อนมากกก
วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555
คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก ,,,หนังสือเกี่ยวกับคิดใหญ่ไม่คิดเล็ก เทคนิคการคิดที่จะผลักดันให้คุณ ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คาดไว้
หนังสือ Big คิดใหญ่ไม่คิดเล็ก เป็นหนังสือที่พี่สาวซื้อมาอ่านเล่นน เลยหยิบมาอ่านดู เค้าได้ให้ข้อคิดหลายอย่างมาก
เช่น "ลบคำว่าเป็นไปไม่ได้ ออกจากความคิดและคำพูดของคุณ"
"อย่าปล่อยให้ความคิดหลุดลอย จงเขียนลงกระดาษ"
"ถามตัวเอง เราจะทำให้มากขึ้นได้อย่างไร?"
การที่จะสร้างและทำให้พลังแห่งความเชื่อแข็งแกร่ง มีหลัก 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1. คิดว่าต้องสำเร็จ อย่าคิดว่าจะล้มเหลว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือ ครอบครัว ต้องคิดว่า คุณจะประสบความสำเร็จ เมื่อคุณประสบ กับปัญหา ยุ่งยาก จงคิดว่า " เราจะชนะ " ไม่ใช่ " เราจะแพ้ " เมื่อคุณแข่งกับคนอื่น ต้องคิดว่า เราเก่งเท่าๆ กับคนที่เก่งที่สุด ไม่ใช่ " เราเป็นรองเขา " เมื่อโอกาสเกิด ต้องคิดว่า " เราทำได้ ไม่ใช่ปอดว่าเราทำไม่ได้หรอก " ให้จิตใจส่วนที่คิดว่า " เราจะสำเร็จ" ชี้นำความคิดของคุณ ความคิดที่เชื่อว่าจะสำเร็จจะควบคุมจิตใจของคุณให้คิดแผนการและกลยุทธ์ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
ถ้าคิดว่าจะล้มเหลวย่อมนำไปสู่ความล้มเหลว เพราะความคิดที่ว่า จะล้มเหลว จะควบคุมจิตใจให้คิดในสิ่งที่ผิดพลาด
2. เตือนตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า คุณเก่งกว่าที่คุณคิด คนที่ประสบผลสำเร็จไม่ใช่ซูเปอร์แมน ความสำเร็จ ไม่ต้องอาศัย หัวสมองที่ดีเลิศ และก็ไม่มีอะไร มหัศจรรย์เกี่ยวกับความสำเร็จ ความสำเร็จ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับ โชคชะตา คนที่ประสบผลสำเร็จ ก็เป็นเพียงคนธรรมดาที่ได้ พัฒนาความเชื่อมั่นในตนเอง และทำตามนั้น อย่า-อย่ายอมรับ หรือแสดงให้ใครเห็นว่า คุณไม่ใช่คนชั้นหนึ่งเป็นอันขาด
3. คิดใหญ่ ขนาดของความสำเร็จถูกกำหนดโดยขนาดของความเชื่อของคุณ คิดอะไรเล็กๆ ก็จะประสบผลสำเร็จ เพียงเล็กน้อย คิดการใหญ่จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ จำไว้ว่า ความคิดใหญ่ และแผนการใหญ่นั้น ปกติจะทำได้ง่ายกว่า ความคิดเล็ก และแผนการเล็ก
นายราล์ฟ เจ คอร์ดิเนอร์ ประธานกรรมการของบริษัทเจเนอรัล อิเล็กทริก พูดกับที่ประชุมสัมมนาการเป็นผู้นำว่า " สิ่งที่ผมต้องการ จากทุกคน ที่ปราถนาจะเป็นผู้นำ สำหรับตัวเขาเองและสำหรับบริษัทของเขาก็คือ ความมุ่งมั่นที่จะฝึกฝนด้วยตัวเอง ไม่มีใครที่จะสอนให้เขาทำได้ การที่คนเราจะล้าหลังหรือก้าวหน้าในงานนั้นขึ้นอยู่กับตัวเขาเองที่จะต้องทำงานและทุ่มเทเต็มกำลัง ไม่มีใครทำให้เขาได้ "
ประวัติส่วนตัว,, นางสาวต่วนราฮายา ^^
__ประวัติส่วนตัว_ _
ชื่อ นางสาว ต่วนราฮายา อับดุลบุตร ชื่่อเล่น ต่วน
กำลังศึกษาอยู่ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาการประถมศึกษา ชั้นปีที่ 2 ค่ะ
รหัสนักศึกษา 5420117188 เรียนวิชา 266-211 กลุ่ม 1 ค่ะ
เกิดเมื้อวันที่ 4 เดือน ธันวาคม 2535 ปัจจุบันอายุ 19 ปี ค่ะ
จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาจาก โรงเรียนแหลมทองอุปถัมภ์
จบการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาจาก โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล
บ้านอยู่ จังหวัดปัตตานี ค่ะ
มีพี่น้องทั้งหมด 4 คน เป็นลูกคนที่ 2 ค่ะ
พ่อและแม่มีอาชีพ รับราชการ ค่ะ ^^
วิชาที่ชอบ ภาษาอังกฤษ วิชาที่ไม่ชอบ ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ ค่ะ ^^
สีที่ชอบ สีน้ำตาลเข้ม ดำ สีที่ไม่ชอบ เขียวจาเมก้า เหลือง
กีฬาสุดโปรด บาสเกตบอล กีฬาที่ไม่ชอบ ตะกร้อ ^^
อนาคต อยากเป็นคุณครูที่สอนเด็กให้ได้ทั้งคุณธรรม จริยธรรม และความรู้ทุกแขนง ! ^^
คติประจำใจ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จจะรอเราอยู่ที่นั้น ,,,,
LAB 3 เรื่อง การออสโมซิสของไข่ไก่ดิบ
LAB ๓ การทดลอง เรื่องการออสโมซิส
อุปกรณ์
1. ไข่ไก่ดิบ 1 ฟอง 2. มีด 1 ด้าม
3. ขวดนมเปรี้ยว 1 ขวด 4. เทียน 1 เล่ม
5. หลอดกาแฟแบบใส 6. ไฟแช็ค 1 ด้าม
วิธีการทดลอง
1. นำไข่ไก่มาหนึ่งฟอง แล้วตอกเบาๆบริเวณที่ป้าน ให้เกิดรอยร้าวเล็กน้อย
2. ใช้มีดที่เตรียมไว้มาแกะเปลือกไข่บริเวณที่ร้าวเล็กน้อย ให้เหลือแต่เยื่อหุ้มไข่
3. ทำอีกด้าานของไข่ให้เหมือนกับข้อ 2 แตแกะเปลือกไข่ให้กว้างพอทีจะปักหลอดกาแฟลงไปได้
4. นำหลอดกาแฟปักลงไปในไข่ให้ลึกพอประมาณ หากเกิดช่องว่างให้ใช้น้ำตาเทียนอุดไว้
5. นำขวดนมเปรี้ยวมา แล้วเติมน้ำลงไปให้เต็ม
6. นำไข่ไก่แช่ลงไปในขวดนมเปรี้ยว โดยให้ด้านที่เหลือแต่เยื่อหุ้มไข่จมน้ำ
ผลการทดลอง
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้สามารถทดลองได้ด้วยตนเอง
2. เพื่อให้เข้าใจสามารถอธิบายกระบวนการออสโมซิสได้
อุปกรณ์
1. ไข่ไก่ดิบ 1 ฟอง 2. มีด 1 ด้าม
3. ขวดนมเปรี้ยว 1 ขวด 4. เทียน 1 เล่ม
5. หลอดกาแฟแบบใส 6. ไฟแช็ค 1 ด้าม
วิธีการทดลอง
1. นำไข่ไก่มาหนึ่งฟอง แล้วตอกเบาๆบริเวณที่ป้าน ให้เกิดรอยร้าวเล็กน้อย
2. ใช้มีดที่เตรียมไว้มาแกะเปลือกไข่บริเวณที่ร้าวเล็กน้อย ให้เหลือแต่เยื่อหุ้มไข่
3. ทำอีกด้าานของไข่ให้เหมือนกับข้อ 2 แตแกะเปลือกไข่ให้กว้างพอทีจะปักหลอดกาแฟลงไปได้
4. นำหลอดกาแฟปักลงไปในไข่ให้ลึกพอประมาณ หากเกิดช่องว่างให้ใช้น้ำตาเทียนอุดไว้
5. นำขวดนมเปรี้ยวมา แล้วเติมน้ำลงไปให้เต็ม
6. นำไข่ไก่แช่ลงไปในขวดนมเปรี้ยว โดยให้ด้านที่เหลือแต่เยื่อหุ้มไข่จมน้ำ
เวลา/นาที
|
ความสมดุลของเหลวในหลอด (cm)
|
15
|
0
|
30
|
0.2
|
45
|
0.6
|
6o
|
1.4
|
90
|
2.1
|
110
|
3.3
|
สรุปผลการทดลอง
จากการทดลองเรื่องการออสโมซิสของไข่ไก่ พบว่า ไข่ขาวจะขึ้นมาตามช่องอากาศจากปริมาณเล็กน้อย และดพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
เนื่องจากเกิิดการออสโมซิสจากบริเวณที่มีความเข้มข้นมากไปสู้บริเวณี่มมีความเข้มข้นน้อย โดยผ่านทางเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้เกิดการกระจายจากบริเวณที่มีน้ำมากไปสู่บริเวณที่มีน้ำน้อย ซึ่งแรงดันของน้ำจะดันให้ไข่ขาวขึ้นไปในหลอด ปริมาณของน้ำในขวดก็จะลดน้อยลง
จากการทดลองเรื่องการออสโมซิสของไข่ไก่ พบว่า ไข่ขาวจะขึ้นมาตามช่องอากาศจากปริมาณเล็กน้อย และดพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
เนื่องจากเกิิดการออสโมซิสจากบริเวณที่มีความเข้มข้นมากไปสู้บริเวณี่มมีความเข้มข้นน้อย โดยผ่านทางเยื่อหุ้มเซลล์ ทำให้เกิดการกระจายจากบริเวณที่มีน้ำมากไปสู่บริเวณที่มีน้ำน้อย ซึ่งแรงดันของน้ำจะดันให้ไข่ขาวขึ้นไปในหลอด ปริมาณของน้ำในขวดก็จะลดน้อยลง
ข้อเสนอแนะ
- การใส่หลอดในไข่ควรใส่ให้ระวังอย่าให้โดนไข่แดง
- การกะเทาะเปลือกไข่ควรระวังอย่าให้เนื้อเยื่อฉีดขาด
แนวนักสืบ...ฝึกกระบวนการคิด สังเกต วิเคราะห์ เรื่อง เชอร์ล๊อค โฮล์มส์
: เรื่องที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับเชอร์ล็อค โฮล์มส์
ผู้แต่งคือเซอร์ อาร์เธอร์ อิกเนเชียส โคนัน ดอยล์ (Arthur Ignatius Conan Doyle) เป็นแพทย์ชาวสก็อตแลนด์ แต่งเรื่องเชอร์ล็อก โฮลมส์ ไว้ทั้งสิ้นเป็นเรื่องยาว 4 เรื่อง และเรื่องสั้น 54 เรื่อง
ต้นแบบของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ มาจาก มาจากนายแพทย์โจเซฟ เบลล์ ระหว่างที่เขาเป็นแพทย์ฝึกงานที่ โรงพยาบาลเอดินเบิร์กรอยัล นายแพทย์อาวุโสสามารถระบุอาการและโรคของคนไข้ได้ทันทีเพียงจากการสังเกตสภาพภายนอก หรือสามารถอธิบายเรื่องราวได้มากมายจากข้อสังเกตเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้โคนัน ดอยล์ ทึ่งมาก นายแพทย์เบลล์ยังเคยช่วยเหลือการสืบสวนคดีของตำรวจบางคดีอีกด้วย
เชอร์ล็อก โฮล์มส์ มีชื่อเต็มว่า วิลเลียม เชอร์ล็อก สก๊อต โฮล์มส์ ถึงจะเล่นไวโอลินเก่ง แต่ตอนที่โฮล์มส์ติดปัญหาหรือคิดอะไรไม่ออก เขามักจะสีไวโอลินแบบไม่เป็นเพลง ทำนองว่าไสคันชักไปตามใจฉัน
โฮล์มส์วชาญด้านเคมี อาชญวิทยา ธรณีวิทยา กฏหมาย กายวิภาค รวมไปถึงสามารถบอกได้ว่าขี้เถ้ายาสูบที่ตกอยู่ที่พื้นเป็นของยี่ห้ออะไร
โฮล์มส์รู้จักกับหมอวัตสันครั้งแรก ก้ตอนหาห้องเช่าคู่ ห้องพักที่ทั้งสองเช่าเป็นบ้านของมิสซิสฮัดสัน ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 221 บี ถนนเบเกอร์ โดยพวกเขาเช่าพื้นที่ชั้นสองของบ้าน ส่วนมิสซิสฮัดสันอาศัยอยู่ชั้นล่าง และทำหน้าที่จัดเตรียมอาหารเช้าให้พวกเขาด้วย
หลังคิดว่าโฮล์มส์เสียชีวิต วัตสันได้ย้ายออกจากห้องเช่า แต่พอรู้ว่าโฮล์มส์ยังไม่ตาย วัตสันก็ตอบรับคำชวนให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีก โดยโฮล์มส์ถึงกับออกเงินให้ญาติห่างๆของตัวเองซื้อที่ที่วัตสันอยู่ตอนนั้น เพื่อที่วัตสันจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันตามเดิม ( เราอ่านตอนนี้เเล้วเเบบซึ้งมาก ♥ )
ศัตรูคู่ปรับของโฮล์มส์คือ ศาสตราจารย์เจมส์ มอริอาร์ตี้
มอริอาตี้คอยชักใยอยู่เบื้องหลังคดีหลายคดี แต่ไม่เคยมีใครจับได้ มอริอาร์ตี้เป็นผู้มีอำนาจขนาดว่าสามารถทำให้ทั่วยุโรปสั่นคลอนได้ ถูกขนานนามว่านโปเลียนแห่งโลกอาชญากรรม
ในตอนจบ ผู้เขียนได้ให้โฮล์มส์ตกหน้าผาตายพร้อม ศ.มอริอาตี้ ทว่าผู้อ่านได้เรียกร้องให้เขียนต่อโฮล์มส์จึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ( ในหนังสือได้ถูกเเต่งให้ตกหน้าผาตายที่สวิสเซอร์เเลนด์ เเละในหนังเองก็เช่นกัน ♥ )
โฮลมส์ไม่ได้แต่งงาน แต่เชื่อว่าเขาเคยมีความรักกับสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งต่อมาเกิดเหตุที่ทำให้ทั้งสองไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ และโฮลมส์ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย หญิงสาวในความทรงจำของโฮลมส์ผู้นั้นมีชื่อว่า ไอรีน แอดเลอร์ (Irene Adler)
เชอร์ล็อก โฮลมส์ ได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊คว่าเป็น "ตัวละครที่มีผู้แสดงมากที่สุด" ภาพลักษณ์ของโฮลมส์กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสืบ และส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมและการแสดงในประเภทรหัสคดีจำนวนมาก
ในตอนจบ ผู้เขียนได้ให้โฮล์มส์ตกหน้าผาตายพร้อม ศ.มอริอาตี้ ทว่าผู้อ่านได้เรียกร้องให้เขียนต่อโฮล์มส์จึงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ( ในหนังสือได้ถูกเเต่งให้ตกหน้าผาตายที่สวิสเซอร์เเลนด์ เเละในหนังเองก็เช่นกัน ♥ )
โฮลมส์ไม่ได้แต่งงาน แต่เชื่อว่าเขาเคยมีความรักกับสตรีผู้หนึ่ง ซึ่งต่อมาเกิดเหตุที่ทำให้ทั้งสองไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ และโฮลมส์ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย หญิงสาวในความทรงจำของโฮลมส์ผู้นั้นมีชื่อว่า ไอรีน แอดเลอร์ (Irene Adler)
เชอร์ล็อก โฮลมส์ ได้รับการบันทึกจากกินเนสส์บุ๊คว่าเป็น "ตัวละครที่มีผู้แสดงมากที่สุด" ภาพลักษณ์ของโฮลมส์กลายเป็นสัญลักษณ์ของนักสืบ และส่งอิทธิพลต่อวรรณกรรมและการแสดงในประเภทรหัสคดีจำนวนมาก
ข้อสุดท้าย ใครที่อ่านมาจนจบ แล้วเกิดความรู้สึกอยากอ่านเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ถือว่าเจ้าของบล๊อกนี้ประสบความสำเร็จแล้ว ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่านนะค่ะ ^^
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)